ในประเทศไทยเรานั้น มีวัดอยู่มากมายหลายแห่งให้กราบไหว้ และมีวัดที่เป็นวัดสำคัญอีกที่หนึ่งนั่นก็คือ วัดอโศการาม ซึ่งเป็นวัดฝ่ายธรรมยุตินิกาย และเป็นสถานที่สำหรับวิปัสสนากรรมฐาน ตั้งอยู่ที่เทศบาลบางปูซอย 60 ถนนสุขุมวิทสายเก่า ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร
สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดย พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่ตั้ง วัดอโศการามนี้ เดิมเรียกว่า นาแม่ขาว เจ้าของที่ดินคือ นางกิมหงษ์ และนายสุเมธ ไกรกาญจน์ ได้ถวายที่ดินให้สร้างวัดเนื้อที่ประมาณ 53 ไร่ คำว่า อโศการาม เป็นคำสนธิเป็นคำ ๒ คำ คือ “ อโศก ” ที่แปลว่า “ ไร้ความเศร้า ” กับคำว่า “ อาราม ” ที่มีความหมายว่า “ แหล่งรื่นรมย์ ” เมื่อนำรวมกันแล้วจะได้ความหมายที่ดีคือ แหล่งรื่นรมย์ที่ไร้ความเศร้าหมอง หลวงพ่อลีได้นำพระนามของพระเจ้าอโศกมหาราช มาเป็นชื่อวัด
รีวิว วัดอโศการาม เที่ยวชมความงาม พระธุตังคเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
วัดอโศการาม เป็นวัดที่มีพุทธศาสนิกชนมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกันมาก และมีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เช่น พระธุตังคเจดีย์ เป็นพระเจดีย์หมู่รวม 13 องค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งธุดงค์วัตร 13 ข้อ แต่ละองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ภายในพระธุตังคเจดีย์ยังมีพระธาตุของพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และมีคุณธรรมสูงหลายรูป เช่นหลวงปู่แหวน หลวงปู่ชา เป็นต้น บริเวณชั้น 2 ของพระธุตังคเจดีย์ ถือได้ว่าเป็นจุดไฮไลท์สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ เพราะเป็นสถานที่ประดิษฐานพระอรหันต์ธาตุสายหลวงปูมั่นถึง 28 องค์ และมีรูปเหมือนของแต่ละองค์ประดิษฐานอยู่
วิหารวิสุทธิธรรมรังสี เป็นอาคารจัตุรมุข 3 ชั้น ส่วนยอดเป็นมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเช่นกัน ภายในวิหารประดิษฐานสรีระท่านอาจารย์ลี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามากราบไหว้
ด้านภายในทั้งสามชั้นจะปูพื้นและผนังด้วยหินอ่อนทำให้อากาศภายด้านในเย็นอยู่ตลอดเวลา
รูปปั้นจำลองพระเจ้าอโศกมหาราชขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ภายในวัดตรงกลางระหว่างพระธุตังคเจดีย์ และวิหารวิสุทธิธรรมรังสี
พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำพระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค พระพุทธรูปทองเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยทำจาทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อนอย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอกสูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดงๆหน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก กล่าวกันว่าพระพุทธรูปทองและนาคนี้เพิ่งถูกพบว่าเป็นพระทองและพระนาค ด้วยบังเอิญ เนื่องจากแต่เดิมทีพระทั้งสององค์ถูกฉาบเคลือบด้วยปูน จนมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุคงเพราะว่าช่วงเวลาก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกข้าศึกบุกตีพระนคร คนในสมัยนั้นเกรงว่าพระพุทธรูปทองและพระพุทธรูปนาคนี้จะถูกขโมยหรือเผาเอาทองไป? จึงได้ฉาบปูนเคลือบและปั้นปูนในขณะที่ปูนยังไม่แห้งเพื่อทำเป็นลายจีวรและลักษณะต่างๆเช่น ปั้นรูปพระพักตร์ พระเกศา เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ใช่พระทองคำและพระนาค จนกระทั่งในภายหลังมีผู้ไปค้นพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำเนื่องจากเศษปูนได้กะเทาะออกมาและเนื้อภายในเป็นทอง จึงได้ค่อยๆกะเทาะปูนออกให้หมด จึงได้เห็นว่าเป็นพระทองคำทั้งองค์และนำมาประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถของวัดแห่งนี้
อีกทั้งยังมีป่าชายเลน ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของวัด มีนกและปลาอาศัยอยู่มาก ปลาที่โผล่มาให้เห็นก็คือปลาตีนขนาดใหญ่พอๆ กับปลาช่อนซึ่งต่างกับปลาตีนน้ำจืดที่อยู่ตามสวน และมีต้นไม้ที่หายากคือ ต้นลำพู ให้เห็นอยู่ตามทาง มีปูแสมก้ามแดง ปูแสมขนาดกลาง กระดองกว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยม ก้ามสีแดง ขุดรูอาศัยอยู่ตามพื้นป่าชายเลนหรือริมคันนาน้ำเค็ม กินเศษอินทรีย์ต่างๆ เป็นอาหาร พบชุกชุมและมีการแพร่กระจายทั่วไป, หอยขี้นกหอยฝาเดียว ขนาดยาวประมาณ 4 เซนติเมตร เปลือกเวียนเป็นเกลียวรูปเจดีย์, ปลาตีน ปลาที่ปรับตัวทางโครงสร้างและสรีระหลายอย่างจนสามารถอาศัยอยู่บนบกได้เป็นเวลานาน ปลาตีนมีอยู่หลายชนิดและขนาดแตกต่างกัน หัวขนาดใหญ่ ตาโตลำตัวเรียวเล็กลงไปทางหาง ครีบอกแผ่ขยายใหญ่ใช้คลานขณะอยู่บนบกได้ดีปลาตีนกินกุ้ง ปู และหนอนตามหาดโคลนเป็นอาหาร พบเกาะอยู่ตามรากต้นโกงกาง หรือคลานอยู่ตามพื้นป่า เมื่อหอยเหล่านี้ตายลง เปลือก บรรยากาศโดยทั่วไปร่มรื่น ครื้มและเข้มขลัง เหมาะที่จะพาครอบครัวไปทำบุญที่วัดและเดินเล่นชมธรรมชาติของป่าชายเลนที่สมบูรณ์อย่างมาก
ส่วนวิหารหลวงพ่อเศียร ประดิษฐานที่วิหารหน้าพระอุโบสถ แต่เดิมนั้นท่านพ่อลีได้มีจุดประสงค์ให้หล่อเศียรพระเพื่อนำไปประกอบกับองค์พระที่วัดเวฬุวัน จังหวัดลพบุร แต่ได้เกิดเหตุขัดข้องบางประการ ไม่สามารถอัญเชิญไปได้ ท่านพ่อลีจึงให้สร้างวิหารและนำไปประดิษฐานหลวงพ่อเศียรไว้ที่นี่เอง ในวัดนี้จะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์อยู่ โดยภายใน วัดอโศการาม มีการปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ ที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ในสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ มีความเชื่อกันว่าเมื่อได้รดน้ำต้นศรีมหาโพธิ์ ที่นี้แล้วจะมีปัญญาปราดเปรื่อง
วัดอโศการาม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การไปนั่งทำสมาธิมาก มีจัดกิจกรรมทุกวันสำคัญทางศาสนา แนะนำทุกท่านนะครับ หากมีเวลาว่างหาโอกาสเดินทางมาสมุทรปราการ ลองมาหาความสงบสุขจากการได้ทำบุญ กราบพระ และได้เที่ยวเดินชมสถานที่สงบๆแบบนี้กันดู แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
วัดอโศการาม ตั้งอยู่ที่
136 หมู่ 2 ซ.สุขาภิบาล 58, ถนนสุขุมวิท (กม.31) ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
แผนที่การเดินทาง อยู่ใน ซ.สุขาภิบาล 58
Recent Comments
ไม่ระบุชื่อ
8 years ago
admin
8 years ago